Lecture

ออกแบบเนวิเกชันสำหรับเว็บ  

ความสำคัญของระบบเนวิเกชัน

            ในชีวิตจริงของเราบางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องขับรถไปในที่ๆ ไม่เคยไปมาก่อน
 สิ่งที่ทุกคนปราถนาคือการไปถึงที่หมายโดยไม่หลงทางเพราะนอกจากจะทำให้เราไปไม่ถึงที่หมาย
 เสียเวลาเสียพลังงานแล้วยังอาจทำให้อารมณ์เสียได้อีก โชคดีที่เรามีระบบการป้องกันการจราจรที่ดี
 เช่นป้ายแสดงชื่อถนน ป้ายแสดงชื่อทางแยก สิ่งเหล่านี้เมื่อนำมาใช้ปะกอบกันก็จะช่วยให้เรา
รู้ตำแหน่งปัจจุบันและทิศทางไปสู่จุดหมายได้
            เช่นเดียวกับโลกอินเตอร์เน็ต ที่คุณอาจหลงทางในเว็บไซท์บางแห่งเพราะขาด
ระบบการนำทางที่ดีทำให้เกิดความรู้สึกสับสนและไม่พอใจ ขณะที่การออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่
ดีช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ส่วนระบบนิเนวิเกชั่นเป็นส่วนเสริมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่
สื่อความหมาย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ท่องเว็บได้อย่างคล่องตัวโดยไม่หลงทาง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบาย
ขณะที่ท่องเว็บ โดยสามารถรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ได้ผ่านที่ใดมาบ้าง และควรจะไปทางไหนต่อ
การเข้าถึงข้อมูลอย่างสะดวกเป็นหัวใจสำคัญของระบบเนวิเกชั่น การมีเนื้อหาในเว็บไซท์
ที่ดีจะเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้ใช้เข้ามาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอแต่เนื้อหานั้นจะไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าผู้ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ ความสำเร็จของเว็บไซท์ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ใช้สามารถ
พึ่งพาระบบเนวิเกชั่นในการนำทางไปถึงที่หมายได้
ระบบเนวิเกชั่นนั้นอาจประกอบด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่นเนวิเกชันบาร์ หรือ pop-up menu
ซึ่งมักจะมีอยู่ในทุกๆ หน้าของเว็บเพจ และอาจอยู่ในหน้าเฉพาะที่มีรูปแบบป็นระบบสารบัญ
ระบบดัชนี หรือ site map ที่สามารถให้ผู้ใช้คลิกผ่านโครงสร้างข้อมูลไปยังส่วนอื่นๆได้
การเข้าใจถึงรูปแบบและองค์ประกอบของระบบเนวิเกชั่นเหล่านี้ จะทำให้คุณออกแบบระบบ
เนวิเกชันด้วยองค์ประกอบที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ออกแบบเพื่อผู้ใช้   Designing for User  


•      Phase 1 : สำรวจปัจจัยสำคัญ(Research)

1.       รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม

2.       เรียนรู้ผู้ใช้-ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการ

3.       ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง

•      สิ่งที่ได้รับ

                1. เป้าหมายหลักของเว็บ

                2. ความต้องการของผู้ใช้

                3. กลยุทธ์ในการแข่งขัน

กำหนดเป้าหมายของเว็บ

                เป้าหมายของเว็บไซต์นั้นควรจะสัมพันธ์กับเป้าหมาย

                ของหน่วยงาน  สามารถวัดผลได้ และตั้งอยู่บนความเป็นไปได้

                เพื่อจะได้ออกแบบเนื้อหาและการใช้งานภายในเว็บ ได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ความต้องการของหน่วยงาน V.S.ความต้องการของผู้ใช้

                เว็บท่า : ต้องการรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในเว็บของตนเพื่อเป็นศูนย์กลางความบันเทิง ข่าวสาร และสาระต่างๆ  ขณะที่ผู้ใช้อาจต้องการเพียงเข้าไปค้นหาลิงค์ ของเว็บที่สนใจ  เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์เหล่านั้น

  เว็บธุรกิจ : ต้องการปรับตำแหน่งของบริษัทให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยอาศัยการออกแบบที่สวยงามและเน้นถึงกลยุทธใหม่ของบริษัท ขณะที่ผู้ใช้อาจไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ต้องการเพียงข้อมูลของสินค้าเท่านั้น


รู้จักกลุ่มผู้ใช้

                คำถามสำคัญเกี่ยวกับผู้ใช้  ประกอบด้วย

                1. ใครคือผู้ใช้หลักของเว็บ

                2. พวกเขามีจำนวนเท่าไร?

                3. พวกเขาเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างไร?

                4. อะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ?

                5. พวกเขาทำอะไร เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์

ข้อมูลผู้ใช้แบ่งได้เป็น 4 แบบ ดังต่อไปนี้

              1. Demographics : ข้อมูลทางประชากร เป็นข้อมูลขั้นต้นที่ง่ายที่สุด เช่น เพศ อายุ ที่อยู่

                2. Webographics : ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความคิดและพฤติกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเว็บ ได้แก่                     


- สถานที่ในการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต

- ช่วงเวลาที่ออนไลน์

- ความถี่ในการเข้าชมเว็บ

3. Psychographics : ลักษณะทางจิตวิทยา ครอบคลุมถึง ความสนใจ ความนิยม ทัศนคติ บุคลิกภาพ
  4. Behavior & Activities : พฤติกรรมและกิจกรรมอาจได้แก่  กิจกรรมที่ชื่นชอบ กีฬาที่สนใจ  งานอดิเรก พฤติกรรมอื่น ๆ

เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์  

สีสันเป็นสิ่งสำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็น
       - การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับตัวอักษร บางครั้งลำบากในการอ่าน
       - การใช้สีมากเกินอาจสร้างความสับสนให้ผู้อ่านได้
       - การใช้สีที่กลมกลืน ช่วยให้น่าดูมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
       - ชักนำสายตาทุกบริเวณในหน้าเว็บ
       - เชื่อมโยงบริเวณที่ไดรับการออกแบบเข้าด้วยกัน
       - แบ่งบริเวณต่างๆออกจากกัน
       - ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
       - สร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บ
       - สร้างระเบียบ
       - ส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ

การผสมสี มี 2 แบบ
       - การผสมแบบบวก เป็นรูปแบบการผสมของแสงไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ
       - การผสมแบบลบ ไม่เกี่ยวข้องกับแสงแต่เกี่ยวกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆ

รูปแบบชุดสีพื้นฐาน (Simple Color Schemes)
- ชุดสีร้อน
- ชุดสีเเบบเดียว
- ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน
- ชุดสีตรงข้ามเคียง
- ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน
- ชุดสีเย็น
- ชุดสีเเบบสามเส้า
- ชุดสีตรงข้าม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น